7 วิธีลดค่าใช้จ่ายงานซ่อมบำรุงในอาคารและคอนโด

🧱 7 วิธีลดค่าใช้จ่ายงานซ่อมบำรุงในอาคารและคอนโด

เคล็ดลับที่ผู้จัดการอาคารยุคใหม่ต้องรู้!

การบริหารจัดการอาคารไม่ใช่เพียงเรื่องของความสะอาดหรือความเป็นระเบียบเท่านั้น แต่การควบคุม ค่าใช้จ่ายในงานซ่อมบำรุง ก็เป็นหัวใจสำคัญของความมั่นคงและประสิทธิภาพของอาคาร โดยเฉพาะในยุคที่ต้นทุนพุ่งสูงขึ้น ผู้จัดการอาคารและนิติบุคคลจำเป็นต้องปรับตัวและใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย

บทความนี้จึงรวบรวม 7 วิธีลดค่าใช้จ่ายซ่อมแซมและงานบำรุงรักษาอาคารและคอนโด ที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน พร้อมแนวทางการประยุกต์ใช้ ระบบ CMMS (Computerized Maintenance Management System) อย่างมีประสิทธิภาพ

---

1. วางแผนบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance)

“กันไว้ดีกว่าแก้… ยังคงใช้ได้เสมอในวงการงานซ่อมบำรุง”

การปล่อยให้อุปกรณ์หรือระบบในอาคารเกิดปัญหาแล้วค่อยซ่อม = ค่าใช้จ่ายสูงกว่า 3–5 เท่า เทียบกับการวางแผนตรวจเช็กล่วงหน้า เช่น:

• ตรวจสอบระบบไฟฟ้าเดือนละครั้ง
• ล้างแอร์ทุก 3–6 เดือน
• ตรวจสภาพลิฟต์ตามรอบที่กำหนด

การมี ตาราง Preventive Maintenance อัตโนมัติ ผ่านระบบอย่าง Unizorn จะช่วยให้ทีมงานไม่พลาดการดูแลที่จำเป็น และลดงานซ่อมฉุกเฉินได้อย่างมาก

---

2. ใช้ระบบแจ้งซ่อมออนไลน์ แทนการใช้กระดาษหรือไลน์กลุ่ม

ในหลายอาคารยังคงใช้วิธี “แจ้งซ่อมผ่านกระดาษ” หรือ “ส่งข้อความในกลุ่มไลน์” ซึ่งทำให้:

• ติดตามสถานะไม่ได้
• เกิดความผิดพลาดในการสื่อสาร
• ไม่สามารถวัด KPI หรือความพึงพอใจของผู้อยู่อาศัยได้

ระบบแจ้งซ่อมของ Unizorn ช่วยให้ผู้พักอาศัยแจ้งปัญหาได้ผ่านมือถือ
ทุกงานจะถูกเก็บเป็นระบบ พร้อมสถานะที่ตรวจสอบได้แบบ Real-time

---

3. จัดเก็บข้อมูลประวัติงานซ่อมแบบมีระบบ

คุณรู้หรือไม่ว่า…

“กว่า 60% ของงานซ่อมที่เกิดซ้ำในอาคาร มาจากการขาดข้อมูลย้อนหลัง”

หากไม่มีการบันทึกว่า “ระบบนี้เคยเสียมากี่ครั้ง ซ่อมเมื่อไร ใช้ช่างคนไหน” ผู้จัดการอาคารจะเสียเวลาในการแก้ปัญหาซ้ำซาก

การใช้ระบบ CMMS อย่าง Unizorn จะช่วยให้คุณสามารถ:

• ตรวจสอบประวัติงานซ่อมย้อนหลัง
• วิเคราะห์ปัญหาที่เกิดซ้ำ
• ตัดสินใจเปลี่ยนอุปกรณ์/ผู้รับเหมาได้อย่างแม่นยำ

---

4. ลดต้นทุนด้วยการบริหารอะไหล่และทรัพย์สินให้เป็นระบบ

ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ในงานซ่อมมักมาจาก:

• การสั่งอะไหล่ซ้ำ
• ไม่รู้ว่ามีอุปกรณ์สำรองหรือไม่
• ซื้อของในราคาสูงเพราะ “รีบใช้”

ระบบ CMMS ที่ดีควรมี ฟีเจอร์คลังอะไหล่และสินทรัพย์ ซึ่ง Unizorn ได้พัฒนาระบบคลังอัจฉริยะ ให้ผู้จัดการอาคารตรวจสอบสต๊อก, ประวัติการใช้งาน และราคาจัดซื้อ ได้อย่างสะดวก

---

5. จัดลำดับความสำคัญของงาน (Prioritization)

ในแต่ละวัน ทีมงานอาคารอาจมี “รายการแจ้งซ่อม” มากกว่า 10 รายการ การจัดลำดับความสำคัญจะช่วยให้:

• ลด Downtime ของระบบสำคัญ
• ทำให้ผู้พักอาศัยรู้สึกว่าได้รับการดูแลที่รวดเร็ว
• ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า

ระบบอย่าง Unizorn มี ระดับความสำคัญของ Work Order ให้เลือกตั้งแต่ “เร่งด่วน” ไปจนถึง “ทั่วไป” พร้อมกำหนด SLA หรือระยะเวลาที่ควรดำเนินการเสร็จ

---

6. สร้างมาตรฐานการทำงานด้วย Checklist และ SOP

ช่างแต่ละคนมีวิธีทำงานต่างกัน ถ้าไม่มีมาตรฐานร่วม ก็เสี่ยงต่อ:

• งานที่ไม่เรียบร้อย
• ซ่อมแล้วเกิดปัญหาซ้ำ
• ความไม่พึงพอใจจากลูกบ้าน

Unizorn ช่วยสร้าง Checklist งานซ่อมแบบกำหนดเองได้ เช่น การเปลี่ยนหลอดไฟ, ตรวจสอบเครื่องปรับอากาศ, ตรวจความปลอดภัยลิฟต์ ฯลฯ ทำให้ทุกงานซ่อมเป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน

---

7. วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อปรับปรุงและคาดการณ์อนาคต

สุดท้ายแล้ว การลดค่าใช้จ่ายไม่ได้มาจากแค่ “จัดการวันนี้ให้ดี” แต่ยังมาจากการ ใช้ข้อมูลในอดีต เพื่อคาดการณ์อนาคต

ระบบ CMMS อย่าง Unizorn มี Dashboard ที่แสดง:

• อุปกรณ์ใดเสียบ่อยที่สุด
• พื้นที่ใดมีปัญหามากที่สุด
• ช่างคนใดทำงานได้ตรง SLA

ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณปรับปรุงแผนบำรุง, เปลี่ยนอุปกรณ์บางชิ้น, หรือเจรจาต่อรองกับผู้รับเหมาด้วยข้อมูลจริง

---

🔚 สรุป: เปลี่ยนวิธีซ่อมแบบเดิม → เป็นการบริหารงานแบบอัจฉริยะ

ในยุคที่อาคารต้องดูดี น่าอยู่ และคุ้มค่าการดูแล “การบริหารจัดการงานซ่อมบำรุง” ไม่ใช่เรื่องหลังบ้านอีกต่อไป
ผู้จัดการอาคารยุคใหม่ต้องใช้เทคโนโลยีอย่าง Unizorn เข้ามาช่วย ไม่ใช่แค่เพื่อลดค่าใช้จ่าย…
แต่เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้อยู่อาศัยและเจ้าของร่วม ว่า “อาคารนี้คุณดูแลได้ดีที่สุด”